จะมีใครเชื่อหรือไม่???
สี “เล็บ” ก็สามารถบอกโรคได้


โดยทั่วไปเล็บเป็นส่วนที่งอกออกมาจากผิวหนัง เป็นเซลที่ตายแล้ว มีส่วนประกอบหลักเป็นสารประเภทโปรตีนที่ชื่อว่า เคราติน (Keratin) เล็บที่ปกตินั้นจะมีสีชมพูอ่อนๆ เสมอกัน เนื้อเล็บแข็งเรียบ ลื่น แต่บางครั้งเล็บอาจมีรูปร่างหรือสีผิดปกติได้ ซึ่งอาจเกิดจากความผิดปกติหรือโรคภัยบางอย่างที่เกิดขึ้นในร่างกายดังนี้

1.เล็บขาวซีด อ่อน แบน และบุ๋ม : มักพบในคนที่เป็นโรคโลหิตจางซึ่งอาจมาจากการขาดธาตุเหล็ก


2.เล็บขาวเป็นแผ่นตรงกลาง : เป็นความผิดปกติที่พบในโรคตับ

3.เล็บเป็นหลุม ขรุขระ ไม่เรียบเกลี้ยงเกลา : พบในโรคผิวหนังที่เรียกว่าสะเก็ดเงิน หรือเรื้อนกวาง

4.เล็บหนากว้าง และโค้งมนตามลักษณะของปลายนิ้วที่โตขึ้น มีสีออกม่วงคล้ำ : พบในผู้ป่วยโรคหัวใจ (ลิ้นหัวใจรั่ว) โรคตับ และโรคท้องเสียเรื้อรัง

5.เล็บเป็นดอกหรือจุดขาวๆ หรือเป็นเสี้ยวพระจันทร์ : แสดงว่ามีปัญหาสุขภาพเจ็บป่วยหนัก หรือขาดสารอาหารบางอย่างที่ทำให้เซลสร้างเล็บได้ไม่สมบูรณ์

6.เล็บเหลือง : ถ้าเป็นบางเล็บบนนิ้วที่ถนัด อาจเป็นสารนิโคตินจากบุหรี่ที่เกาะเล็บที่ใช้คีบบุหรี่หรือพบในโรคปอดบางชนิด โรคเบาหวาน โรคตับ โรคไต

7.เล็บเปลี่ยนสีเป็นครึ่งขาวครึ่งชมพู : พบในโรคไตบางชนิด

8.เล็บเป็นจุดหรือเส้นสีม่วง เกิดจากเส้นเลือดฝอยแตก : พบในโรคลิ้นหัวใจอักเสบ โรคลิ้นหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดอักเสบ โรคตับ โรคขาดวิตามินซี

9.เล็บสีดำ : พบในโรคลำไส้ผิดปกติ มีจุดดำๆ ตามเนื้อเยื่อของลำไส้เยื่อบุปาก ริมฝีปาก ส่วนมากขาดวิตามินบี 12

10.เล็บที่ออกสีเทาๆ หรือดำคล้ำ : พบในคนที่ได้รับตัวยาบางชนิดเช่น Phenolphthalein ในยาระบาย และยารักษาโรคมาลาเรียอยากรู้ว่าเป็นโรคอะไร สังเกตดูจากเล็บกันเลย.


~----------~----------~----------~----------~----------
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

เนื้อหาข่าวคุณภาพดี โดย : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์